ฝนหลวง-วิทยาศาสตร์กับโครงการในพระราชดำริ ร.9

ฝนหลวง

 1.โครงการฝนหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จเยี่ยม พสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงสังเกตเห็นว่า  มีปริมาณเมฆมาก แต่ไมสามารถรวมตัวจนเกิดเป็นฝนตกได้ ทั้งที่เป็นช่วงฤดูฝน และทรงพบเห็นว่าหลายแห่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร เกษตรกรและชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนักเนื่องจากฝนแล้ง  จึงเป็นความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส และก่อให้เกิดความสูญเสีย ทางเศรษฐกิจ แก่เกษตรกรอย่างใหญ่หลวง นอกจากนี้ความต้องการใช้น้ำมีมากขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงจัดตั้งโครงการในพระราชดำริส่วนพระองค์ พ่อหลวงทรงเริ่มการทำฝนหลวง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำในการเกษตร วิธีการก็คือก่อกวน เป็นการกระตุ้นให้เมฆรวมตัวเป็นกลุ่มกัน เพื่อใช้เป็น แกนกลางในการสร้างกลุ่มเมฆฝนในระยะต่อมา  หลังจากนั้น ก็จะใช้เครื่องบินที่บรรจุสารเคมีขึ้นไปโปรยบนท้องฟ้า โดยเริ่มดูจากความชื้นของเมฆและสภาพทิศทางลมประกอบกัน เมื่อความร้อนชื้นปะทะเข้ากับความเย็น อุณหภูมิที่ลดต่ำลงมากจนทำให้ไอน้ำในมวลอากาศอิ่มตัว และกลั่นตัวออกมากลายเป็นเม็ดฝนในที่สุด  พ่อหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เริ่มมีการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา 2.โครงการแก้มลิง กักตุนแล้วระบายน้ำตามแรงโน้มถ่วง               หลังจากที่มีโครงการฝนหลวงแก้ปัญหาภัยแล้งแล้ว ก็ยังมีปัญหาน้ำท่วมอีก ซึ่งน้ำท่วมก็เป็นอีกหนึ่งภัยธรรมชาติที่ประชาชนต้องได้รับความเจ็บปวดอีกเช่นกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9ท่านทรงคิดค้น โครงการแก้มลิง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนชาวไทย ซึ่งขั้นตอนแรก คือ ระบายน้ำจากตอนบนให้ไปตามคลองในแนวเหนือใต้สู่คลองพักน้ำขนาดใหญ่ที่ชายทะเล หลังจากนั้น เมื่อระดับน้ำในทะเลลดต่ำกว่าในคลองก็ระบายน้ำออกจากคลองทางประตูระบายน้ำด้วยหลักการแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งโครงการแก้มลิงนี้เปรียบเหมือนการกินกล้วยของลิงซึ่งจะเก็บกล้วยไว้ที่แก้ม แล้วจะค่อย ๆ […]

วิทยาศาสตร์สามารถทำให้เราไปอาศัยนอกโลกได้จริงไหม

How (and WhHow (and Why) SpaceX Will Colonize Marsy) SpaceX Will Colonize Mars

จากผลสำรวจค้นพบว่ามีชาวอเมริกันจำนวน 29% ต้องการย้ายไปอยู่พร้อมสร้างบ้านตั้งรกราก ในดาวดวงอื่น ซึ่งเป็นดาวอันน่าสนใจ ในจำนวนดาว 7 ดวงที่ ‘NAZA’ พึ่งค้นพบ เพราะต้องการหนีไปอนาคต 4 ปีข้างหน้าที่ ‘Donald Trump’ ยังคงเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอยู่ มีผู้ยิ่งใหญ่หลายคน ออกมาแสดงความคิดอย่างล้นหลาม ‘Elon Musk’ เคยแสดงความคิดเห็นไว้ในบทความ ชื่อว่า ‘How (and Why) SpaceX Will Colonize Mars’ โดยเขาได้เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆว่า…โลกเปรียบเสมือน ‘Hard Disk’ ขนาดใหญ่ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่อยู่บนโลกก็เปรียบเสมือนไฟล์เอกสารที่อยู่ใน ‘Hard Disk’ อีกที ต่อมาเมื่อ ‘Hard Disk’ มีความเสี่ยงเสียหาย เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะเก็บไฟล์ข้อมูลเอาไว้ได้ ก็คือ การย้ายไฟล์ไปสู่ ‘Hard Disk’ ตัวใหม่ นี่จึงเป็นเหตุผลหลัก ที่ทำให้เขาต้องพัฒนาโครงการ ‘SpaceX’ โดยมีจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ คือ จะได้ส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคารได้ครั้งละจำนวนมาก นอกจากนี้เขายังมีเป้าหมายในการสร้างอาณานิคมใหม่บนดาวอังคารอีกด้วย […]

วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ คืออะไร ?

‘วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ’ คือ สาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติ สำหรับยุคก่อน การให้คำนิยามความหมาย คือ สาขาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับโลกรวมทั้งสิ่งต่างๆรอบๆ ตัว หรือธรรมชาตินั่นเอง มาทำความเข้าใจกับ ‘วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ’ กันให้มากขึ้น โดยวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ จัดเป็นพื้นฐานหนึ่งของวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ซึ่งมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ ใช้ในการอธิบายการทำงานของโลกด้วยธรรมชาติ นอกจากนี้วิทยาศาสตร์ธรรมชาติยังถูกนำมาใช้ เพื่อแยกแยะ ‘วิทยาศาสตร์ ’ ให้ออกจากปรัชญาธรรมชาติอีกด้วย หากแต่ในปัจจุบันคำว่า ‘วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ’ ถูกนำมาใช้ในความหมาย ทางด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่มีความสนใจต่อกระบวนการทางชีวภาพ ในลักษณะแตกต่างกันไปจากวิทยาศาสตร์กายภาพ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้เป็น 2 กลุ่ม คือ… • วิทยาศาสตร์กายภาพ ศึกษาสิ่งไม่มีชีวิต เช่น ฟิสิกส์, เคมี, ดาราศาสตร์, ธรณีวิทยา เป็นต้น • วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ศึกษาสิ่งมีชีวิตต่างๆ โดยสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่…กลุ่มพฤกษศาสตร์ ศึกษาต้นไม้เละพืชทุกชนิด กลุ่มสัตวศาสตร์ ศึกษาสัตว์ทุกชนิด นอกจากวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแล้ว ยังมีวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นอีก 3 ประเภท ได้แก่… 1. วิทยาศาสตร์สังคม คือ การศึกษาธรรมชาติของมนุษย์ในสังคม 2. วิทยาศาสตร์อัตภาพ คือ การศึกษาธรรมชาติของจิตมนุษย์รวมทั้งปรากฏการณ์ทางจิตใจต่างๆ 3. วิทยาศาสตร์ประยุกต์ คือ การประยุกต์ศาสตร์จากวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มาต่อยอดสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่มนุษย์รวมทั้งทำให้การดำรงชีวิตดีขึ้น โดยสาเหตุที่วิทยาศาสตร์พัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เหตุผลก็คือ วิทยาศาสตร์มีหลักการสำคัญที่เป็นเครื่องมือ ซึ่งจะช่วยให้ศาสตร์นี้มีความแข็งแกร่งและมั่นคงมากขึ้น นั่นก็คือ… 1. วิทยาศาสตร์มีความเชื่อพื้นฐาน ปรากฎการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์หรือระเบียบต่างๆ ซึ่งสามารถค้นพบได้ถ้าผู้ค้นพบ มีความสามารถมากพอ โดยอาจใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ เช่น การเปรียบเทียบ, การจำแนก, การวิเคราะห์, การทดลอง, การพิสูจน์ เป็นต้น 2. วิทยาศาสตร์มีความเชื่อเรื่องการค้นพบความจริง ได้มาจากการสังเกต หรือ จากการทดลอง เป็นต้น 3. นักวิทยาศาสตร์ยึดถือเรื่อง ปรากฎการณ์ที่สังเกตได้เท่านั้น โดยปรากฎการณ์ใดที่ยังไม่อาจวัดได้ โดยเฉพาะปรากฎการณ์ทางจิตวิญญาณ จึงไม่อยู่ในวิสัยที่จะศึกษาได้ 4. การทดลองจะต้องมีการยอมรับระดับสากล จากหลักการข้อนี้นักวิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ผลงานของนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ด้วยการศึกษาหรือทดลองซ้ำ ซึ่งถ้ามีผลลัพธ์แบบเดียวกันทุกครั้ง การค้นพบครั้งนั้นก็จะได้รับการยอมรับ 5. วิทยาศาสตร์ใช้ทฤษฎีเป็นเครื่องมือในการอธิบาย การเกิดปรากฎการณ์ต่างๆ ในทางทฤษฎียังสามารถใช้การพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น กฎแห่งแรงโน้มถ่วง , กฎแห่งการดึงดูดกัน เป็นต้น นอกจากนี้ถ้ามีการพบว่าปรากฎการณ์ในอดีตที่เคยได้รับการพิสูจน์มาแล้ว สามารถถูกหักล้างได้ด้วยแนวความคิดใหม่ๆ เพราะสิ่งต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทำให้วิทยาศาสตร์เองก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่

‘วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ’ คือ สาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติ สำหรับยุคก่อน การให้คำนิยามความหมาย คือ สาขาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับโลกรวมทั้งสิ่งต่างๆรอบๆ ตัว หรือธรรมชาตินั่นเอง มาทำความเข้าใจกับ ‘วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ’ กันให้มากขึ้น โดยวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ จัดเป็นพื้นฐานหนึ่งของวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ซึ่งมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ ใช้ในการอธิบายการทำงานของโลกด้วยธรรมชาติ นอกจากนี้วิทยาศาสตร์ธรรมชาติยังถูกนำมาใช้ เพื่อแยกแยะ ‘วิทยาศาสตร์ ’ ให้ออกจากปรัชญาธรรมชาติอีกด้วย หากแต่ในปัจจุบันคำว่า ‘วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ’ ถูกนำมาใช้ในความหมาย ทางด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่มีความสนใจต่อกระบวนการทางชีวภาพ ในลักษณะแตกต่างกันไปจากวิทยาศาสตร์กายภาพ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้เป็น 2 กลุ่ม คือ… วิทยาศาสตร์กายภาพ ศึกษาสิ่งไม่มีชีวิต เช่น ฟิสิกส์, เคมี, ดาราศาสตร์, ธรณีวิทยา เป็นต้น วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ศึกษาสิ่งมีชีวิตต่างๆ โดยสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่…กลุ่มพฤกษศาสตร์ ศึกษาต้นไม้เละพืชทุกชนิด กลุ่มสัตวศาสตร์ ศึกษาสัตว์ทุกชนิด นอกจากวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแล้ว ยังมีวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นอีก 3 ประเภท ได้แก่… วิทยาศาสตร์สังคม คือ […]

‘วิทยาศาสตร์การกีฬา’ คืออะไร ?

วิทยาศาสตร์การกีฬา

‘วิทยาศาสตร์การกีฬา’ คือ ศาสตร์หนึ่งซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาค้นคว้า ด้วยการศึกษาถึงผลที่มาจากการเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกายภายใต้กิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีการประยุกต์ทางวิทยาศาสตร์ มาผสมผสายร่วมกับเทคนิคทางด้านเฉพาะทาง เพื่อพัฒนาพร้อมยกศักยภาพร่างกายของนักกีฬาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น โดยใช้หลักทางด้านวิชาสรีรวิทยา, จิตวิทยา, สังคมวิทยา รวมทั้งอื่นๆ เพราะฉะนั้นนั้น วิทยาศาสตร์การกีฬาจึงเป็นการรวมสรรพวิชาต่างๆมากมาย ซึ่งมีเนื้อหาสาระครอบคลุมทางด้านสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น วิทยาการกีฬา, จิตวิทยาการกีฬา, สังคมวิทยาการกีฬา, เวชศาสตร์การกีฬา เป็นต้น ประเภทการศึกษา ‘วิทยาศาสตร์การกีฬา’ กายวิภาคศาสตร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างต่างๆของร่างกาย ซึ่งประกอบขึ้นมาเป็นรูปร่าง และสัดส่วนของร่างกายของนักกีฬาแต่ละคน เช่น กระดูก, กล้ามเนื้อ, ข้อต่อ, หัวใจ เป็นต้น สรีรวิทยา ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานอวัยวะรวมทั้งระบบต่างๆของร่างกาย รวมทั้งหาสาเหตุที่นำไปสู่การเสื่อมสภาพของระบบของอวัยวะต่างๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ ชีวกลศาสตร์ คือ ศึกษา กล้ามเนื้อ, กระดูก, เส้นเอ็น เป็นต้น เพื่อพัฒนานำมาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละประเภทกีฬา รวมทั้งสร้างการฝึกซ้อมและเรียนรู้ความแตกต่างของร่างกายซึ่งแตกต่างกันไป การฝึกซ้อมกีฬา คือ ศาสตร์ที่ศึกษารูปแบบวิธีฝึก ให้เหมาะสมกับนักกีฬาแต่ละบุคคล โดยจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยในด้านต่างๆ อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงอายุ, เพศ, วัย […]

วิทยาศาสตร์กับมายากลมีความเกี่ยวช้องกันอย่างไร ?

วิทยาศาสตร์กับมายากลมีความเกี่ยวช้องกันอย่างไร ?

‘มายากล’ เป็นการแสดงที่จำเป็นต้องอาศัยทักษะขั้นสูง มีผู้คนจำนวนมากที่ชื่นชอบการแสดงมายากล โดยปกติแล้วสิ่งที่ทำให้มายากลมีความน่าสนใจและน่าตื่นเต้น ก็คือ การทำให้เกิดบางสิ่งขึ้นมา โดยน่าแปลกใจ หรือตรงข้ามกับสิ่งที่ผู้คนทั่วไปคิด และในทางเดียวกันนั่นเอง การสาธิตทางวิทยาศาสตร์ก็จะเต็มไปด้วยความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ถ้าทำให้สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น โดยเฉพาะ ‘ฟิสิกส์’ ที่สามารถใช้เป็นการแสดงมายากลได้ ซึ่งทำให้ทั้ง 2 ศาสตร์นี้มีความเกี่ยวข้องกันตรงจุดนี้นี่เอง ยกตัวอย่างกลที่น่าสนใจ :: จุ่มมือในน้ำมันที่กำลังเดือดปุดๆ ไม่เป็นอะไร ! การแสดงกล ภาพที่ผู้ชมจะได้เห็น คือ มีกระทะขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเตาไฟถ่านแดงฉาน ซึ่งปรากฏภาพมีน้ำมันเดือดปุดๆขึ้นมา หลังจากนั้นผู้แสดงก็จะจุ่มมือเปล่าลงไปในน้ำนั้น เพื่อแสดงให้ผู้ชมเห็นว่า ไม่ร้อนเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อยกขึ้นมาผิวหนังก็จะไม่เป็นอะไรอีกด้วย อธิบายได้ด้วยเคล็ดลับทางวิทยาศาสตร์ : สำหรับขั้นตอนเตรียมการ ก็คือ ให้ผู้แสดงเทน้ำเปล่าลงในกระทะขนาดใหญ่ หลังจากนั้นต้มให้พอเดือด ไม่ต้องเดือดจนถึงขั้นเดือดปุดๆ หลังจากนั้นจึงค่อยๆเทน้ำมันใส่ลงไปในน้ำนั้น ด้วยอัตราส่วนของน้ำที่มีต่อน้ำมัน ต้องเป๊ะ คือ 3:6 หรือ 3:7 และอย่างที่คุณผู้อ่านคงรู้กันมานานแล้วว่า น้ำมันมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ด้วยเหตุนี้เมื่อนำลงไปผสมกับน้ำ น้ำมันก็จะค่อยๆลอยขึ้นมาบริเวณผิวหน้าเหนือน้ำ ส่วนน้ำจะนอนอยู่บริเวณด้านล่างก้นกระทะ และน้ำนี่แหละที่ได้รับความร้อนโดยตรงจากก้นกระทะ ที่กำลังถูกต้มอยู่ ให้เดือดเป็นฟองขึ้นมา หากแต่ในช่วงที่น้ำมันด้านบนยังไม่ได้รับความร้อนมากเท่าไหร่นี้เอง จึงช่วงที่เหมาะสมต่อการเล่นกลมาก […]

วิทยาศาสตร์กับการแช่แข็งปลา

วิทยาศาสตร์กับการแช่แข็งปลา

เรื่องที่น่าตกใจ เมื่อนำปลาไปแช่จนแข็งไปทั้งตัว แต่เมื่อนำไปใส่ในน้ำอุณภูมิห้องปกติรอสักพัก ปลากลับฟื้นขึ้นมาได้ ! และว่ายน้ำเฉกเช่นปกติ เหตุการณ์นี้เป็นเพราะอะไร ? คุณเคยชมคลิปปลานิลแข็งหรือไม่ ? มีผู้ทดลองนำปลานิลเป็นๆ ใส่ลงไปในไนโตรเจนเหลว – 35 องศา จนปลานิลที่มีชีวิต นิ่งแข็งด้วยความเย็นจนเหมือนปลาตาย แต่เมื่อนำปลาไปใส่ในน้ำอุณภูมิห้องปกติอีกครั้ง รอสักพัก ปลากลับขยับฟื้นขึ้นมา ว่ายน้ำได้ปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ?! เรื่องนี้วิทยาศาสตร์มีคำตอบ โดยเหตุผลที่แช่แข็งปลาไม่ตาย อันเนื่องมาจาก ปลาเป็นสัตว์เลือดเย็น และโปรตีนพิเศษไหลเวียนอยู่ในโลหิต เรียกว่า ‘Antifreeze’ ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดพิเศษไม่ทำให้เกิดการสร้างน้ำแข็งในเนื้อเยื่อได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามสามารถพบในปลาบางชนิดเท่านั้น ! ย้อนไปในปี ค.ศ. 1950 นักวิทยาศาสตร์ชาวนอร์เวย์ นาม ‘Scholander’ เกิดความสงสัยใครรู่ว่า ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำทะเล ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ทำไมถึงไม่แข็งตาย ? จึงพบ ‘สารป้องกันการแข็งตัว’ แต่ ณ ขณะนั้นยังไม่มีใครรู้เลยว่ามันคืออะไร ? ต่อมา ในปี 1960 นาย ‘Arthur […]

วิทยาศาสตร์การแพทย์ สาขาจุลชีววิทยา มีความสำคัญอย่างไร

Medical microbiology หรือ จุลชีววิทยาทางการแพทย์ เป็นการศึกษาในเรื่องสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กระดับจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และปรสิต ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆกับร่างกายของมนุษย์ โดยเน้นการศึกษาพัฒนาการ ความก้าวหน้าของโรคติดเชื้อในผู้ป่วยและในประชากรมนุษย์ (ระบาดวิทยา) อีกทั้งยังต้องมีการศึกษาในเรื่องของพยาธิวิทยา และภูมิคุ้มกันวิทยา ถือเป็นสาขาที่มีความสำคัญทางการแพทย์อย่างมาก ประวัติความเป็นมาในอดีต เมื่อปี 1546 แพทย์ชาวอิตาลีนามว่า Girolamo Fracastoro ได้เสนอความคิดในเรื่องของโรคระบาด ที่สามารถแพร่ การสัมผัสทางอ้อม และการติดต่อจากระยะไกล จนกระทั่งนายแพทย์ทั้งสอง Louis Pasteur และ Robert Koch ได้ร่วมมือกันตั้งสาขาจุลชีววิทยาทางการแพทย์ (Medical microbiology) โดย Louis Pasteur ได้มีชื่อเสียงจากการทดลองของเขา เมื่อได้ทำพิสูจน์ที่หักล้างทฤษฎี “theory of spontaneous generation” ซึ่งได้บอกว่าสิ่งมีชีวิตนั้นเกิดขึ้นได้จากตัวตนที่ไม่มีชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นคนที่คิดค้นวิธีการพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurization) ซึ่งเป็นวิธีในการถนอมอาหารรูปแบบหนึ่ง ส่วน Robert Koch มีผลงานที่โดดเด่นอย่าง Germ theory […]

ความสำคัญของวิทยาศาสตร์การแพทย์ สาขาศัลยศาสตร์

สาขาศัลยศาสตร์  (Surgery) คือการผ่าตัดเพื่อรักษาผู้ป่วยโดย ศัลยแพทย์ (Surgeon) ตั้งแต่มนุษย์เรียนรู้วิธีการสร้างและจัดการเครื่องมือเป็นครั้งแรก เราก็ได้พัฒนาเทคนิคต่างๆมากมายเพื่อนำมาใช้ในการผ่าตัด ความก้าวหน้าในสาขาเหล่านี้ได้เปลี่ยนการผ่าตัดให้เป็นศาสตร์ “ศิลปะ” อย่างหนึ่งที่มีความเสี่ยงสูงทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถรักษาโรคต่างๆและอาการต่างๆ ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการแพทย์ทั่วไป หากไม่มีการผ่าตัดที่ก้าวหน้า มนุษย์เราคงอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงต่อชีวิตมากมาย อย่างในสมัยก่อนที่ผู้หญิงจะต้องคลอดเองตามธรรมชาติ เมื่อการผ่าตัดเข้ามามีบทบาท ทำให้การคลอดลูกมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอย่างมาก หรือจะเป็นการรักษาที่ซับซ้อนภายในสมอง ในสมัยก่อนมีหลักฐานว่าเคยมีการทดลองผ่าตัดเปิดสมองหลายครั้ง น่าเสียดายที่คนสมัยก่อนยังขาดความเชี่ยวชาญทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเสียชีวิตหลักจากผ่าตัด เมื่อมีการศึกษาในเรื่องศัลยศาสตร์อย่างจริงจังกันมากขึ้น จึงมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ต้นกำเนิดการผ่าตัดครั้งแรก การผ่าตั้งครั้งแรกถูกคิดค้นเพื่อทำการรักษาอาการบาดเจ็บเจ็บ และบาดแผลฉกรรจ์ ด้วยการใช้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายมานุษยวิทยา (Anthropological) ทำให้พัฒนาเทคนิคที่มีประโยชน์เพื่อใช้ในการเย็บบาดแผล การตัดแขนขาที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ การระบายของเหลว และการปิดบาดแผลด้วยความร้อน มีหลักฐานในอดีตมากมายที่เกี่ยวข้อง เช่นในชนเผ่าเอเชียจะใช้ดินประสิวกับกำมะถันมาทาบนบาดแผล จากนั้นจะนำไฟมาจี้ตรงบาดแผล (Cauterize wound) เพื่อเป็นการห้ามเลือด หรือในชนเผ่าอินเดียและอเมริกาใต้ ที่พัฒนาวิธีที่ชาญฉลาดในการปิดแผลเล็กน้อย โดยการใช้ปลวกหรือแมลงปีกแข็งที่จะกัดตามขอบแผล แล้วบิดคอของแมลงทิ้งหัวไว้เพื่อใช้เป็นลวดเย็บแผล ต่อมาในยุคเรืองปัญญาของยุโรปช่วงปี ค.ศ.1715 – 1789 นักวิทยาศาสตร์ชาวสก็อตแลนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการผ่าตัด John Hunter บุคคลที่ถือได้ว่าเป็นบิดาของการผ่าตัดยุคใหม่ เป็นผู้ที่นำเสนอการทดลองทางการแพทย์ที่น่าสนใจ และกลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วยุโรปในเรื่องของผลงานการวิจัย และงานเขียนของเขา ภายหลังที่ John Hunter […]

เส้นทางสู้การเป็นนักกีฬาอีสเปอร์ต ไม่ง่ายอย่างที่คิด

e-sportgod

e-sport เป็นคำหลายคนรู้จักดีหากคุณเป็นวัยรุ่นที่มีใจรักในเรื่องของการเล่นเกมแล้วคำนี้ก็อาจเป็นเหมือนเป่าหมายที่ต้องไปให้ถึง สำหรับประเทศไทยแล้วยังถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่ เพราะพึ่งมีการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ เมื่อไม่นานนี้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ผู้ใหญ่ในวงการต่างๆ หันมาให้ความสนใจกับกีฬาอีสเปอร์ตกันมากขึ้น ด้วยผลกระทบของกระแสเกมที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยหลายๆเกม ที่จะเห็นได้ชัดเจนมากที่สุดก็คงเป็นเกมมือถือที่เข้าเจาะกลุ่มผู้เล่นที่ได้มากที่สุด ตลาดของกีฬาอีสเปอร์ยังถือว่ามีการขยายตัวของผู้เล่นน้อยมาก โดยจะเห็นว่านักกีฬาส่วนใหญ่ในการแข่งขันก็มักจ๊ะเป็นพวกหน้าเดิมๆ ที่เราคุ้นตานั้นแสดงเราขาดบุคลากร หน้าใหม่ ปัญหาตรงนี้อาจมาจากตัวนักกีฬาเอง หรือเป็นที่ไม่มีการสนับสนุนที่ดี ระยะยาวเป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกันว่าเราจะมีตัวแทนประเทศไทยเก่งๆ ไปแข่งขันกับต่างชาติเค้ารึเปล่า เพราะแค่ละปีวงการ e-sport สามารถทำรายได้ให้หลายร้อยล้าย อีกทั้งยังเป็นตลาดที่ยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก หากใครอยากจะประสบความสำเร็จในวงการนี้แล้วละก็คุณสามารถที่จะเริ่มต้นได้จากตัวเองได้ดังนี้ เกมที่เล่นได้ความนิยมมากแต่ไหนการจัดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ และเงินรางวัลดีหรือไม่ ศึกษาตลาดเกมที่คุณคิดจะเล่นเพื่อพัฒนาฝีมือว่ามีการรองรับที่ดีไหมได้รับความนิยมมากแค่ไหน มีการจัดการแข่งขันบ่ายไหม เงินรางวัลที่ได้รับคุ้มค่ากับการที่เราใช้เวลากับเกมนี้รึเปล่า เพราะหากคุณเล่นเกมที่ชอบมากแต่ไหน แต่ไม่มีการจัดแข่งขัน ไม่มีผู้ให้การสนับสนุน และไม่มีคนดูที่ติดตามก็จะไม่ต่างจากการเล่นเกมข้ามเวลาไปวันๆ ต้องมีความมุ่งมั่น และใจที่รักในการเล่นเกมเป็นอย่างมาก หากคุณคิดจะเดินเข้ามาเป็นนักกีฬาอีสเปอร์ตแล้วละก็ ต้องอยู่กับเกมที่คุณเล่นทุกวันอย่างน้อย 6 ชั่วโมง จากการสอบถามนักกีฬามืออาชีพมา ซึ่งตรงนี้หากมันไม่ใช่เกมที่คุณชอบมากจริงๆใจไม่รักมากแล้วละก็รับรองได้ว่าจะมีอาการเบื่ออย่างแน่นอน เพราะคุณต้องเล่นเกมเดียวซ้ำไปมาเพื่อให้เกิดการพัฒนาฝีมือ ต้องมีความรับผิดชอบถึงจะประสบความสำเร็จ ให้ความสำคัญในเรื่องของการแบ่งเวลา ส่วนใหญ่นักกีฬาอาชีพจะมีปัญหาในเรื่องนี้กันหลายคนในเรื่องของการแบ่งเวลานั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับการเป็นนักกีฬาอาชีพจะอยู่ในช่วง 16 ปี จนถึงช่วงอาชีพ 26 ปี โดยประมาน แต่ก็ไม่ได้แน่นอนว่าอายุเท่านี้ต้องเลิก ซึ่งช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่ระบบสมอง ประสาทสัมผัส และอื่นๆ เหมาะแก่การเล่นเกมที่ต้องใช้การสื่อสาร […]

การก้าวกระโดดของฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คของจังหวัด

buriram united

วงการฟุตบอลไทยกำลังได้รับกระแสตอบรับทั้งในประเทศ และในต่างประเทศดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับจังหวัดต่างๆ ที่ก็จะมีตัวแทนสโมสรของจงหวัดตัวเอง เราจะพาไปดูความสำเร็จของทีมที่เรียกได้ว่าอยู่แถวไหนหน้าของวงการฟุตบอลไทยเลยก็ว่าได้นั้นก็ คือ สโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด กว่าจะมาประสบความสำเร็จได้จนถึงตอนนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง หากเรานึกถึงบุรีรัมย์ ก็จะนึกถึงว่ามีทีมฟุตบอลชื่อดังอยู่ซึ่งถือเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวจังหวัดนี้ได้เป็นจำนวนมาก ทุกการแข่งขันก็จะเรียกเม็ดเงินเข้าจังหวัดได้อย่างมหาศาล ซึ่งก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีใครรู้จักสักเท่าไร การที่ทีมนนี้ได้รับความนิยมกลายเป็นสร้างรายได้ให้กับจังหวัดนี้ไปด้วยควบคู่กัน ประวัติที่น่าสนใจของทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด มีประวัตที่ยาวนานที่เกิดจาการร่วมมือกันระหว่างสองทีมอย่าง บุรีรัมย์ พีอีเอ กับ บุรีรัมย์ เอฟซี ที่มีดกรีแชมป์ไทยลีก และแชมดิวิชั่น 1 ที่กลายเป็นตำนานก่อให้เกิดเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ บุรีรัมย์ ด้วยความแข็งแกร่งในการเล่นกับการเสริมทีมอยู่เรื่อยๆทำให้คว้าแชมป์รายการต่างๆ ได้สร้างตำนานเป็นทีมไทยทีมเดียวที่คว้าแชมป์ 5 รายการในแค่ฤดูกาลเดียวกัน  อีกทั้งยังได้สร้างมาตรฐานให้กับฟุตบอลไทยให้มีความเป็นสากลไม่ว่าจะเป็นสนามแข่งที่มีความสวยงาม ระบบภายในต่างๆ ที่เป็นแบบแผนเหมือนต่างประเทศ สร้างชื่อให้กับประเทศไทย ในแถบทวีปเอเชียให้การยอมรับ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับนักฟุตบอลอาชีพที่สามารถดึงนักเล่นต่างชาติเข้ามาค้าแข็งที่ประเทศไทยได้ อย่างประเทศเพื่อนบ้านก็ให้ความสนใจมาเล่นให้กับไทยลีก ด้วยความสำเร็จที่กว่ามาทำให้ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ขยับจากลำดับ 604 มาอยู่ที่ 243 ภายในเวลาเพียงแต่ปีเดียวเท่านั้น